GPS ติดตามรถราคา
GPS ติดตามรถ รุ่น WR13 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมจากเจ้าของรถไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว และ บริษัทรถเช่าทั่วไป หรือรถบรรทุกขนส่งสินค้า เนื่องจากเป็นรุ่นที่ราคาเบาๆ แต่มีสเปคที่อัดแน่นเทียบเคียงกับตัวทอปของรุ่นใหม่ๆ
คุณสมบัติเด่นๆของ GPS ติดตามรถ รุ่น WR13 นี้จะมี Backup Battery ซึ่งทำงานได้ แม้โดนตัดไฟ ตัวเครื่องแข็งแรง มาพร้อมชุดสายไฟที่พร้อมสำหรับติดตั้งได้ทันที ขนาดตัวเครื่องเล็กซ่อนง่ายไม่เกะกะ เพียง 8.3 x 5.4 x 2.6 cm เสาอากาศ GPS แบบ Active และแบบ GSM ภายนอกรับสัญญาณได้ดี รุ่นนี้พิเศษตรงที่มี Microphone (ดักฟังได้ด้วย) สามารถใช้งานผ่านระบบ Internet แบบ Online Realtime ได้ทันที
ข้อมูลจำเพาะของ GPS ติดตามรถ รุ่น WR13 นอกจากจะมีขนาดกระทัดแล้ว น้ำหนักยังเบาเพียง 120g ใช้ไฟรถในการเลี้ยงแบต 12V – 24V ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน ทนความเย็นได้ถึง –40 องศาเซลเซียส และทนความร้อนได้สูงสุด 85 องศาเซลเซียส
GPS ติดตามรถ รุ่น WR13 สามารถค้นหาตำแหน่งได้โดยใช้ดาวเทียม GPS และส่งข้อมูลหรือแจ้งเตือนผ่านระบบมือถือ ผ่านทาง SMS และ GPRS (Internet) สามารถเช็คสถานะสวิตกุญแจ ประตู และ Shake Sensor ผ่านทาง SMS ได้ และยังสามารถต่อเข้ากับ Server เพื่อดูตำแหน่งปัจจุบัน และบันทึกข้อมูลเส้นทางย้อนหลังผ่าน Internet ได้อีกด้วย
หากเป็นการใช้งาน GPSติดตามรถ สำหรับหน่วยงาน หรือบริษัท การแสดงผลทางหน้าจอคอมพิวเตอร์จะเห็นรถทุกคันในกลุ่ม เช่น ขบวนรถบรรทุกสินค้าซึ่งจะต้องไปส่งในจุดหมายเดียวกันพร้อมกันหลายคัน เวลาเรียกดูข้อมูลทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ข้อมูลของรถทุกคันจะไปปรากฏอยู่บนแผนที่ในหน้าจอคอมซึ่งนอกจากจะระบุตำแหน่งปัจจุบันที่รถอยู่แล้ว ยังแสดงทิศทางของรถ สถานะการวิ่ง หรือ จอด/จอดติดเครื่องหรือดับเครื่อง ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏบนจอคอมจะใช้สีแทนสัญลักษณ์สถานะของรถในขณะนั้น เช่น สีเทา คือ รถจอดและดับเครื่อง , สีน้ำเงิน คือ รถจอดแต่ติดเครื่อง และ สีเขียว คือรถกำลังวิ่ง ซึ่งผู้ใช้งานหรือเจ้าของบริษัทสามารถตรวจสอบการใช้งานของรถในแต่ละช่วงเวลาได้โดยละเอียด ข้อมูลในกลุ่มรถนี้จะประกอบไปด้วย ชื่อรถ ชื่อสถานที่ที่รถขับผ่าน สถานะโดยรวมของรถไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำมันในถัง ระดับแรงดันไฟจาก sensor หรือปริมาณ LPG ในถัง อุณหภูมิของอุปกรณ์เสริม รวมทั้งสวิตอื่นๆ
GPS ติดตามรถ รุ่น WR13 นี้ ถึงแม้จะตั้งระบบการตัด Start หรือ สั่งดับเครื่องได้ แต่ไม่อยากแนะนำให้ใช้ระบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะการติดตั้งระบบที่ว่านี้ ต้องมีการตัดสายไฟของรถ ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันภัยบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบหากมีอะไรเกิดขึ้นกับรถ เท่ากับว่ารถหมดประกันกับทางศูนย์บริการ และหากยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารถโดยขโมยหรือไม่ และผู้ใช้สั่งให้เครื่องดับในขณะที่รถวิ่งอยู่บนถนน ก็อาจจะเกิดความเสียหายกับชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่นที่อยู่บนท้องถนนเดียวกันได้